เทศน์เช้า วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม(วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
หัวใจ ความรู้สึก มีค่ามาก เดี๋ยวจะเทศน์.. อ้าว.. ฟังธรรมนะ หลวงตาท่านสอน ตอนอยู่กับหลวงตา ท่านบอกว่า ชาวบ้านเขาปากกัดตีนถีบ ได้ ๕ ได้ ๑๐ เขาก็หามาถวายพระ หาแต่ของดีๆ ที่เขาว่าเป็นสิ่งที่ดีมาถวายพระ ฉะนั้นพอมาถวายพระ เป็นสิ่งที่เขามาแสดงน้ำใจออก ทีนี้พระเวลารับของเขานี่ มันก็มีธรรมและวินัย ฉะนั้นสิ่งนี้มันต้องคนละครึ่งไง
หลวงตาตอนอยู่กับท่าน ท่านสอนว่า พระก็ไม่ให้เสีย โยมก็ไม่ให้เสีย โยมเขาตั้งใจของเขา แต่พระก็ไม่ให้เสีย ถ้าพระเสียนะ เวลาบิณฑบาตมา วันไหนอาหารมันเหลือเฟือ ท่านจะเล่าประวัติของท่านว่า ตอนอยู่กับหลวงปู่มั่น บิณฑบาตมา ๕-๖ องค์ ได้น้ำพริกมาถุงเดียว ไม่พอกิน เอาน้ำพริกใส่กะลา แล้วเอาน้ำคนๆๆ พอตักแบ่งกัน อันนี้ท่านพูดก่อนฉัน พูดเพื่อเตือนพระ พระก็ไม่ให้เสีย โยมก็ไม่ให้เสีย โยมเห็นไหม ได้ ๕ ได้ ๑๐ ปากกัดตีนถีบ ก็อยากได้บุญได้กุศล ค่าน้ำใจที่อุตส่าห์ไปทำบุญ พอมาแล้วพระรับด้วยความไม่เคารพ การรับนี้มันก็มีเวลาเห็นไหม
ท่านพูดบ่อย เวลาหลวงตาท่านพูด ท่านพูดเป็นเผดียง ท่านพูดทีเล่นทีจริง ใครได้ประโยชน์ แล้วใครไม่ได้ประโยชน์อยู่ที่คนฟัง ท่านพูดเป็นทีเล่นทีจริงนะ ท่านพูดเป็นเรื่องตลกนะ เวลาท่านพูด แต่ถ้าใครฟังแล้วมันสะเทือนใจ แต่ถ้าใครฟังโดยที่ไม่คิดมันก็จะผ่านหูไปเฉยๆ
นี่ก็เหมือนกัน วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา เราเป็นชาวพุทธใช่ไหม ทางฝ่ายปกครองเขาบอกว่าให้ทำบุญกุศลใกล้บ้าน ทางฝ่ายปกครองเขาเปิดโอกาสให้ เขาหยุดราชการให้ เพื่อให้เราได้ไปทำบุญกุศล อย่างนี้เขาบังคับนะ อย่างนี้เพราะสังคม เพราะจารีตประเพณีบังคับให้เราทำบุญกุศล เพราะเขาทำกัน เราก็ทำ เราเป็นชาวพุทธ เห็นเขาทำ ก็ทำตามเขา
แต่ถ้ามันทำจากหัวใจล่ะ ถ้าเรามีความศรัทธาล่ะ เรามีความเชื่อล่ะ มันทำมาจากความรู้สึกจากภายใน ความรู้สึกจากภายในอันนี้สำคัญนะ เพราะความรู้สึกจากภายในนี่ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตปฏิสนธิมาเกิดเป็นคน จิตปฏิสนธิมันจะเวียนไปในวัฏฏะ พุทธศาสนาสอนที่นี่นะ เราเป็นชาวพุทธ เราก็ทำบุญตามประเพณีวัฒนธรรม
แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธในหัวใจ พุทธในความรู้สึก ถ้าพุทธในความรู้สึก เรามีความรู้สึก เราทำจากหัวใจของเรา ครูบาอาจารย์ของเราเป็นคนชี้นำ เป็นคนชักนำสังคมเห็นไหม ผู้นำ นำให้เราไปในทางที่ดี นี่เหมือนกัน รัฐบาลที่ดี ผู้บริหารที่ดี เขาก็จะเปิดโอกาสให้คนได้ทำคุณงามความดี คุณงามความดีเป็นกระแสสังคม แต่ถ้าเป็นหัวใจของเรา เราจะปากกัดตีนถีบ เราจะดิ้นรนของเรา
หลวงปู่มั่นท่านบอกว่า ท่านอยู่ในป่าในเขา หลวงตาท่านเล่าให้ฟังประจำ เวลาคนเขาจะไปทำบุญกันนะ เขาต้องนั่งเกวียนไป แล้วซื้อคันนาไปนะ เพราะทางเท้า ทางคันนาเกวียนมันไปไม่ได้ เขาทำจากหัวใจไง เขาเคารพของเขา เขาจะไปทำบุญกุศลเขาต้องซื้อทางเข้าไปนะ ซื้อทางคือว่าต้องจ่ายค่าผ่านทาง เพราะเกวียนมันไปทับนาเขา ต้องจ่ายค่าเสียหายเขาไป เพราะมันเป็นทางเดินตามคันนา แต่เราเดินไม่ไหว ผู้เฒ่าเดินไม่ไหว ต้องนั่งเกวียนไป ต้องซื้อทางเข้าไปเห็นไหม นั้นจากหัวใจ แต่ของเราเห็นไหม มันอยู่ข้างบ้าน มันอยู่กับเรา พระบิณฑบาตหน้าบ้านต่างๆ นี่ เราจะทำของเรานี่ หัวใจเราลงไหม ถ้าหัวใจเราลงสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์นะ
นี่พูดถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนา มันเป็นประเพณีวัฒนธรรม บีบบังคับให้ชาวพุทธไปทำบุญ แต่ถ้าเราเป็นชาวพุทธ เราทำบุญได้ตลอดเวลา แม้แต่ก่อนนอน เรากราบ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เรากำหนดพุทโธๆ นั้น ทำบุญให้กับหัวใจของเรา ถ้าหัวใจของเราได้กำหนดพุทโธ มีสติความระลึกรู้ ไปวัดก็ไปทำบุญกับพระ แต่เวลาอยู่บ้านของเรา เราทำบุญกับพุทโธ ทำบุญกับพระพุทธเจ้า ทำบุญกับหัวใจของเรา เราประพฤติปฏิบัติได้ คนน้อยเนื้อต่ำใจนะ ไม่มีโอกาส ไม่มีเวลา
หลวงปู่ฝั้นท่านพูด หายใจทิ้งเปล่าๆ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เราหายใจเพื่อดำรงชีวิตนะ หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปเพื่อฟอกโลหิตนะ แต่เราหายใจด้วยพุทโธ เราหายใจด้วยมีพระพุทธเจ้าอยู่กับตัวเราด้วยนะ
เราบอกว่าเราไม่มีโอกาส เราไม่มีเวลาทำบุญ เรามองข้ามไปหมดเลย นี่ไง เพราะว่าถ้าหัวใจมันไม่ลง หัวใจมันไม่เข้าใจนี่ เราจะไม่รู้อะไรว่าเป็นสมบัติของเรา เราบอกการทำบุญต้องมีการเสียสละโอ๊ย! เสียสละให้มากมายเลย พระเป็นผู้ได้ พระว่าต้องทำทานๆ ไอ้เราก็ปากกัดตีนถีบก็ต้องถวายพระ อันนี้มันเป็นการริเริ่ม เป็นการชักนำเขามาให้เข้าไปในวัด แล้วได้ฟังธรรม
ครูบาอาจารย์ถ้าท่านเป็นธรรม ท่านจะสอนเราว่า ความดีที่สุดของเราอยู่ที่หัวใจของเรานะ ความดีที่มีคุณค่าที่สุดอยู่กลางหัวอกเรานะ สิ่งนี้มันมาเกิด แล้วมันจะเวียนตายไปในวัฏฏะ แล้วถ้ามีคุณธรรม มันจะยืนตัวของมันได้ แล้วมันจะเกิดปัญญา ใครก็โกหกไม่ได้ นี่มันเป็นปัจจัตตัง มันเป็นสันทิฏฐิโก
เราได้รับรู้ร้อน รู้หนาวของเรา เขาบอกว่าไม่มีๆ เราจะเชื่อเขาไหม ลมร้อนหนาวมันผ่านกับเรานี่ แล้วเขาบอกว่ามันเป็นกลาง มันเป็นกลาง มันไม่ร้อนไม่หนาว ก็กูหนาวอ่ะ นี่เหมือนกัน หัวใจที่สัมผัสเขาเรียกปัจจัตตัง เห็นไหม อุปัฏฐากได้ ศาสนาสอนลงที่นี่นะ
วันสำคัญทางพุทธศาสนา ถ้าวันสำคัญทางพุทธศาสนา เรามีความสำคัญกับตัวเราเองนี่ เราดิ้นรน เราขวนขวายนี่ มันตื่นตัวเห็นไหม เรามีความสำคัญ วันสำคัญทางพุทธศาสนา เขานอนกันอยู่บ้าน วันนี้เขาหยุดงาน วันนี้วันสำคัญจะพักผ่อน มันก็นอนอยู่บ้านมัน หัวใจไม่ได้อะไรไง
แต่เราดิ้นรนของเรา หัวใจเราได้นะ มันยุ่งยากไหม? ยุ่ง! ความเพียรชอบ ความวิริยะ ความอุตสาหะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเป็นความเพียรชอบ ยุ่งไหม? ยุ่ง! ยุ่งเพื่อจะไม่ยุ่ง ไอ้ไม่ยุ่งนอนอยู่บ้านเลยนี่ มันยุ่ง... มันยุ่งในหัวใจของมัน... มันหว้าเหว่... มันทุกข์ร้อน... มันเศร้าหมอง... เห็นไหม ร่างกายมันนอนอยู่สบาย แต่หัวใจมันปั่นป่วน... มันวุ่น... มันยุ่ง... ไอ้เรามันยุ่งไหม นี่อุตส่าห์ปากกัดตีนถีบมา ยุ่งไหม? ยุ่ง...
แต่มันได้รับรู้ ได้รับทรัพย์ ได้เสียสละ ได้บุญกุศล ได้ความสัมผัส เห็นไหม มันยุ่ง มันยุ่งในความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ แต่หัวใจได้ผ่อนคลาย เวลาเขาเปิดน้ำนี่ น้ำเสียเขาเปิดออกเห็นไหม นี่หัวใจเราเปิดออก ด้วยการเสียสละ ด้วยการกระทำ เปิดความหมักหมมของใจเราออก ยุ่งไหม? ต้องยุ่งสิ! ต้องยุ่งเพื่อเปิดมันออก แล้วถ้ามันออกมันโล่งแล้ว มันสบายไหม
เหมือนการรักษา มันต้องมีการรักษา ต้องมีการผ่าตัด ต้องมีการฉีดยา มันมีความเจ็บปวดทั้งนั้นล่ะ แต่โรคมันหายนะ แต่เราไม่รักษามันก็ไม่หาย นี่ก็เหมือนกัน ความเพียรชอบ ยุ่งไหม? ยุ่ง โยมก็ยุ่ง... พระก็ยุ่ง... แต่เพื่อบุญกุศล เพื่อหลักการในพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอาศัยของเรา เราทำเพื่อพระรัตนตรัย ทำเพื่อแก้วสารพัดนึก เพื่อจะเกิดกับชีวิต เพื่อเป็นชีวิตของเรา เพื่อความสุขของเรา เอวัง